
รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3
รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 ภาพยนตร์เรื่องใหม่
รีวิว Transformers Rise of the Beasts นักเขียนและนักอ่านควรคิดเหมือนกัน ฉากสุดท้ายของหนัง หุ่นยนต์ต่างดาวต่อสู้กัน ‘Transformers’ มีฉากที่ Bumblebee เปลี่ยนตัวเองจาก Volkswagen เป็นรถกล้ามเนื้อ Chevrolet Camaro สุดเท่ห์ใน ‘Bumblebee’ (2018) นั่นคือทั้งหมดที่ฉันจำได้ แต่ขอสารภาพตามตรงแม้จะดูครบทุกตอนแล้วก็ตาม
แต่สุดท้าย ‘Transformers’ (2007) ก็ออกอากาศซีซันแรกด้วย ซีรีส์เก่าๆ ค่อยๆ เปลี่ยนจากสยองขวัญมาเป็นสไตล์ของ Michael Bay (ไมเคิล เบย์) ผสมกลิ่นอายของหนังครอบครัว Go Good, Steven Go สไตล์สปีลเบิร์ก และหนัง Robots Selling Mountain Bombs, Burn The Hut, Ruined Santa Roo (และร้านขายของเล่น) เต็มไปด้วยเรื่องตลก ไร้สาระ และความผิดพลาดของมนุษย์ และเนื้อเรื่องก็งงจนไม่รู้จะเอาไปจำที่ไหน (จะมีปัญหาว่า ‘Bumblebee’ จะนอกเรื่อง แต่ก็ดูสนุกดี)
แต่บทวิจารณ์เราแย่และทุนสร้างสูงในแต่ละหมวด แต่กลับทำเงินสวนทางกัน (ทั้งๆ ที่รายได้เข้าค่ายเยอะมาก) และตอนนั้นสถานะภาพดีที่สุดก็โตขึ้นเรื่อยๆ หุ่นนี่แก่แล้ว (มาจุ๊บหน้าผาก) กันยาวๆ จนปีนี้ Paramount Pictures ขุดแฟรนไชส์นี้ขึ้นมาปัดฝุ่นหลังจากผ่านไป 6 ปี กับ ‘Transformers: Rise of the Beasts’ หรือ ‘Transform Warmer’ : Rise of the Monster Machines’ ภาคนี้จะทำงานเป็นภาคต่อหรือภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง ‘Bumblebee’ และทำงานแบบ Semi-Hard Reboot รีเซ็ตจักรวาลใหม่ที่จะมีเรื่องราวของตัวเอง ไม่เป็นไร และไม่ใช่ภาคต่อของป๋าเบย์ 5 ภาคแรกแต่อย่างใด
‘Transformers: Rise of the Beasts’ ดำเนินต่อไปกับเด็กชายสองคนที่เกิดและเริ่มต้นความสำเร็จของแฟรนไชส์ในอดีต สปีลเบิร์กและปาป้า เบย์ เสนอชื่อนายแบบที่ดีที่สุดสำหรับเก้าอี้ผู้กำกับ ผู้คลั่งไคล้ Transformers Steven Caple Jr. (สตีเว่น เคเปิล จูเนียร์) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘Creed II’ (2018) อยู่บนโพเดียม ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเป็นสัตว์ จากแอนิเมชั่น 3 มิติ ‘Beast Wars: Transformers’ (1996-1999) มาสู่ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่นเป็นครั้งแรก เด็ก ๆ อาจไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่คนที่อายุสามสิบน่าจะคุ้นเคยกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ช่อง 7 สี
เรื่องราวของภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นในปี 1994 เจ็ดปีหลังจาก ‘Bumblebee’ เกิดขึ้นในบรู๊คลิน นิวยอร์ก เมื่อโนอาห์ ดิแอซ (แอนโธนี รามอส) อดีตทหารหนุ่มชาวลาตินออกไปหางานทำ เขาช่วยแม่ของเขา Brianna Diaz (Luna Lauren Velez) และ Chris Diaz น้องชายของเขา (Dean Scott) แต่ไม่มีใครพบ Mirage (Pete Davidson) สีเงินและสีน้ำเงินของ Porsche 964 Carrera RS 3.8 บอทส์ตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่บนโลกพร้อมกับออพติมัส ไพรม์ (ปีเตอร์ คัลเลน) หัวหน้ารถแทรกเตอร์ FLA Liner ปี 1987 และหัวหน้า RC (ลิซา โคชี่) คนขับรถบรรทุกหญิง คนดี
รีวิว Transformers Rise of the Beasts เรื่องราวของภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นในปี 1994 เจ็ดปีหลังจาก ‘Bumblebee’ เกิดขึ้นในบรู๊คลิน นิวยอร์ก เมื่อโนอาห์ ดิแอซ (แอนโธนี รามอส) อดีตทหารหนุ่มชาวลาตินออกไปหางานทำ เขาช่วยแม่ของเขา Brianna Diaz (Luna Lauren Velez) และ Chris Diaz น้องชายของเขา (Dean Scott) แต่ไม่มีใครพบ Mirage (Pete Davidson) สีเงินและสีน้ำเงินของ Porsche 964 Carrera RS 3.8 บอทส์ตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่บนโลกพร้อมกับออพติมัส ไพรม์ (ปีเตอร์ คัลเลน) หัวหน้ารถแทรกเตอร์ FLA Liner ปี 1987 และหัวหน้า RC (ลิซา โคชี่) คนขับรถบรรทุกหญิง คนดี.
ในขณะเดียวกัน เอเลน่า วอลเลซ (โดมินิก ฟิชแบ็ค) นักวิจัยสาวที่ทำงานในพิพิธภัณฑ์วิจัย เขาได้พบกับเงื่อนงำบางอย่างที่นำไปสู่สิ่งสำคัญที่เรียกว่า Transwarp Key ซึ่งเป็นกุญแจที่สามารถนำไปสู่ทิศทางต่างๆ ได้ ทั่วทั้งจักรวาล บอทส์ต้องการพาพวกเขากลับไปยังบ้านเกิดที่ไซเบอร์ตรอนด้วย แต่เหล่า Terrorcons ที่ชั่วร้ายต้องการกุญแจไขไปสู่ยูนิคอร์น (Coleman Domingo) สัตว์อันตรายที่สามารถท่องไปในจักรวาลได้ ดังนั้น Skurge (Peter Dinklage) จึงส่ง Airazor หมาป่าป่ามาไล่ล่าพวกมัน เชลล์ โหย่ว) สมาชิก War Eagle ของเผ่าพันธุ์ขั้นสูงที่เป็นผู้นำของ Autobots รวมถึง Noah และ Elena พบกับ Maxims คนสุดท้ายที่หนีจากโลกนี้ มันอาศัยอยู่ในป่าของเปรู พวกเขาหวังว่าจะทำงานร่วมกันเพื่อค้นหา Transwap Key และกอบกู้โลกก่อนที่ Unicornron จะกินมัน
ไม่ว่าคุณจะเรียก ‘Rise of the Beast’ ว่าเป็นภาคต่อของ ‘Bumblebee’ หรือมองว่ามันเป็นการรีเมคที่นุ่มนวล การเลือกองค์ประกอบเดียวกันเพื่อบอกผู้ชมใหม่ที่ชื่นชอบซีซัน 4 และ 5 หรือเห็นความยากลำบาก Return มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแผนผังเส้นทางออกจากจักรวาล Papa Bay ด้วยการวาดเส้นอ้างอิงด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงใช้โครงสร้าง วิธีคิด กลิ่น และวิธีการเล่าเรื่อง และบางฉากจากจักรวาล Papa Bay ได้ถูกเผยแพร่ในภาคนี้แล้ว และหลายๆ คนที่ได้ดูแล้วอาจจะนึกถึงภาคแรกนิดหน่อย เพราะภาคนี้เรียกได้ว่าแทบจะยืมมาจากเนื้อเรื่องและวิธีการเล่าในภาคแรก โดยเฉพาะธีมของเด็กชายกับสัตว์ประหลาด (ชวนให้นึกถึง E.T. Millions) ไม่มีสาวสวยคนไหนอีกแล้ว
รีวิว Transformers Rise of the Beasts แต่ฉันต้องยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มองเห็นความพยายามที่จะนิยามใหม่และเปลี่ยนแปลงแฟรนไชส์ ‘Transformers’ ใหม่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงการออกแบบใหม่ของหุ่นยนต์ โดยเฉพาะไพรม์ที่ปรับให้เหมือนกับภาพ (G1) รวมถึงการปรับลักษณะของหุ่นเหล่านั้น ครั้งแรกในจักรวาล Ba Bey มีระยะทางไกล เมื่อมาถึงบริเวณนี้จะมีความใกล้ชิดกับผู้คน ให้กลายเป็นคนอารมณ์ดีขึ้น จากออพติมัส ไพร์ม หุ่นเชิดแห่งสันติในร่างบอสหัวร้อน และที่น่าสนใจมากเพราะคำพูดแต่ละคำของชายชรานั้นน่าสนใจมาก หรือมิราจ ที่มีเสียงไพเราะอย่างพีท เดวิดสัน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามผลักดันให้มิราจกลายเป็นเพื่อนกับผู้คน และแสดงให้เห็นมิตรภาพของมิราจและโนอาห์ เช่นเดียวกับ Bumblebee ในตอนแรก มิราจจึงต้องเป็น MVP ของภาคที่คนชอบมากที่สุด จนแทบไม่ต้องดู ‘Bumblebee’ ก่อนดูภาคนี้รู้เรื่อง
อีกประเด็นคือผู้เขียนคิดว่าคนส่วนใหญ่จะลดการแสดงส่วนนี้ลงอย่างแน่นอน จริงๆภาคนี้ก็ยังมี Bayhem อยู่นิดหน่อยตามที่หัวหน้าฝ่ายผลิตบอก แต่สิ่งที่แตกต่างชัดเจน คือ ส่วนนี้เป็นภาพของกลางที่ไม่เน้นเรื่องเสียง เช่น ระเบิด, เผากระท่อม โดยเฉพาะฉากแอคชั่นตอนไคลแมกซ์ ที่คิดว่าจะสนุกและมีความสุขเสียอย่างเดียวคืออาจจะไม่มีวิวสวยๆ หรือมีไอคอนรูปกล้อง – ตัดต่อแบบป๋าเบย ถ้าใครชอบความอลังการงานสร้างผ่านคาร์บอมบ์คงได้ความรู้สึกแปลกใหม่ แต่ถ้าใครพอใจกับเนื้อเรื่องแบบไม่เน้นฉากแอคชั่น มีการยกศิลป์ๆ หน่อย แต่ก็น่าสนใจและบันเทิงกว่าฉากบู๊ใน ‘Bumblebee’ ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะลงให้ แต่ก็ถือว่ารับได้.
สำหรับข้อความแม้ว่าเนื้อหาจากเวอร์ชันใหม่จะใหม่และไม่เลว และผู้เขียนเชื่อมั่นว่าเข้มแข็งพอที่จะผ่านพื้นที่ต่างๆ แต่ในแง่ของโครงสร้างหลักปฏิเสธไม่ได้ว่าพล็อตของหนังไม่ใช่เรื่องใหม่ แม้เนื้อเรื่องจะพยายามพลิกแพลงเพื่อลุ้นทางลัด สอดแทรกแนวทางการเดินเรื่องแบบหนังสยองขวัญ ใส่มุขตลกใส่เพลงฮิปฮอปยุค 90 ที่บรรณาธิการเลือก ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีในตอนก่อน ๆ แต่โครงสร้างของประเด็นและทั้งชุด เรื่องราวและประเด็นต่าง ๆ ยังคงอธิบายเป็นสูตรสำเร็จมาตรฐาน ‘Transformers’ นุ่มนวลไม่สับสน
ภาพยนตร์ดำเนินต่อไปด้วยแผนของภารกิจ Cybertronian เพื่อค้นหาของมีค่า นี่เป็นส่วนเดียวที่เพิ่มเนื้อหาเพื่อดึงดูดผู้คนให้มากขึ้นในการค้นหา ไม่มีทหารหรือกองทัพเข้ามาเกี่ยวข้อง และบอทส์ไม่ได้พยายามสร้างเทพเจ้าเหมือนเมื่อก่อน แต่มีบางอย่างให้ดูเกี่ยวกับการเอาชนะบอทส์ หนังมีกลิ่นอายของหนังอย่าง ‘Indiana Jones’ ครบเครื่อง ทั้งพล็อตและแอ็คชั่นที่ลงตัวและมีส่วนที่น่าสนใจที่เดาได้ไม่ยาก ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าใครทำร้ายเขาหรือใครชอบเขาตั้งแต่แรก
แต่ก็จะมีข้อสังเกตด้วยว่า ผู้เขียนเห็นว่าภาพนี้ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับหุ่นยนต์ และหุ่นยนต์กับหุ่นยนต์ ภาพยนตร์มีแนวทางและช่วยเติมเต็มความคิดของภาพยนตร์ Duo เพิ่มสีเพื่อทำให้ภาพน่าสนใจและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หนังสั้นเกินกว่าจะกลบความลึกซึ้งระหว่างตัวละครแต่ละตัวได้ และความสัมพันธ์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้ผู้ชมมีความสุขและอิ่มเอิบใจจริง ๆ เมื่อเทียบกับ ‘Bumblebee’ แล้วสวยงามและละเอียดอ่อนกว่า มันเป็นสภาพแวดล้อมภาพแสงที่ไม่เชิญชวนให้เข้าถึงส่วนละครอย่างเต็มที่
ข้อพิจารณาอีกประการหนึ่งคือปัญหาของการกระจายเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งน่าเสียดายที่พวกเขาพยายามนำประเภท Maximal มาแสดงซึ่งเป็นจุดขายหลักของกลุ่มนี้ด้วย และที่สำคัญคือทหารประเภท Maximal ทุกคนถือว่าฝีมือระดับเทพเลยทีเดียว น่าเสียดายที่รูปภาพไม่แสดงหรือรายละเอียดส่วนต่างๆ ดูเหมือนว่าบทบาทของ Maximal บางส่วนจะถูกลดทอนลงจนเกือบจะเป็นการสนับสนุนปกติ เป็นการตัดสินใจของบุคคลที่ตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทางที่ผู้เขียนคิดได้แต่แอบ ๆ เหตุผลไม่ชัดเจนรีวิว Transformers Rise of the Beasts
เวอร์ชันใหม่ (ภายใต้รูปแบบ Serial) ของหนังเรื่องนี้ แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบในหลายๆ ด้าน แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน คนเคยอ่อนแอ ไม่มีความสุข ท้อแท้ หมดศรัทธา หรือหลงลืม เกี่ยวกับแฟรนไชส์นี้ ลองเปิดใจ แล้วมองย้อนกลับไป สำหรับแผนและความสัมพันธ์อาจไม่น่าสนใจเท่า ‘Bumblebee’ ซึ่งแฟรนไชส์เองก็พยายามนำโมเดลใหม่สำหรับภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ชมมากขึ้น อย่าพยายามโผล่หัวเข้าไปในบ้านเหมือนปกติ ดูเหมือนว่าแฟรนไชส์นี้จะมีรูปแบบและทิศทางที่ยาวไกลไม่เพียงแค่เอาหุ่นยนต์ตัวใหญ่มาต่อสู้เท่านั้นแต่ยังเน้นขายของเล่น ขาย CG ภาค 4 และ 5 เหมือนเดิม
หนังเรื่องนี้เป็นภาคแยกจากแฟรนไชส์ Transformers เกิดขึ้นในปี 1994 ก่อนภาคแรก แต่มันเป็นไปตามเหตุการณ์ของ Bumblebee (2018) ซึ่งติดตาม Noah Diaz (Anthony Ramos) อดีตทหารที่กำลังมองหางานที่ต้องการเงินสำหรับอาการป่วยของพี่ชาย แต่พยายามเท่าไรก็หางานไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจร่วมกับเพื่อน ๆ ในละแวกนั้นขโมยรถราคาแพงไปขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน โชคไม่ดีที่รถที่เขาจะขโมยคือมิราจ (พากย์เสียงโดยพีท เดวิดสัน) และเมื่อเขาเข้าไปในรถ ออปติมัส ไพรม์ (ให้เสียงโดย) ก็ติดอยู่ เขาจึงเข้าร่วมในสงครามหุ่นยนต์ สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร? ทุกคนควรเห็นด้วยตาของตัวเอง Transformers: Rise of the Beasts เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้ ในตอนท้ายของหนังมีหายนะครั้งใหญ่รออยู่ ใครก็ตามที่ชอบของเล่น Hasbro ควรสนุกกับ P.S. 2 คูณ 1 มิดเครดิตด้วย ไม่ใช่กรี๊ดแต่รอชมได้เลยเพราะไม่ต้องรอนาน
ก่อนอื่นฉันต้องบอกว่าฉันไม่ใช่แฟนตัวยงของแฟรนไชส์ Transformers ผมเคยดูตอนเด็กๆ ตอนที่ดูตอนนี้เป็นอีกตอนที่ไม่ได้ต่อจากตอนเก่าเลยตัดสินใจดู ไปดูแบบไม่หวังผล ปล่อยให้หนังพาคุณออกไป ตลกพอ ๆ กันหนังก็สนุกสนานพอสำหรับฉัน ฉากแอคชั่นทำได้ดี เรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่น ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดให้เราดูก่อนเพื่อแสดงให้เห็นว่ากุญแจสำคัญของการติดตั้งนี้คือการใช้เทคโนโลยีที่ Maximals ซ่อนเร้นอยู่ในโลกเป็นเวลาหลายพันปี แล้วเขาก็ตัดมาให้เราเห็นตัวละครหลักของเรื่อง โนอาห์ เขามีเบื้องหลังอย่างไร? มันสร้างความตระหนักรู้ของเราและดึงดูดตัวละครนี้มากขึ้น ใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่เนื้อเรื่องหลักเรียกได้ว่าแทบไม่มีจังหวะสำหรับผู้ชมที่ไม่ชอบเลย ดูน่าสนใจมาก แถมยังมีมุกตลกให้เราขำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงจะบอกว่าเรื่องสั้นและเร็วแต่ก็ยอมรับว่างานเขียนก็มีจุดบกพร่องเหมือนกันเพราะมาในแนวสำเร็จที่ทุกอย่างดูง่ายทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด แต่ที่เข้าใจคือต้องการขายของให้แฟนๆ ด้วยการแสดงความเย็นชาในหุ่นยนต์ 3 กลุ่ม เขาควรแบ่งเวลาให้กับหุ่นยนต์เหล่านี้ เป็นเรื่องดีที่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวของหุ่นกระบอกกับตัวละครหลักได้ โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ Noah และ Mirage ที่มี Optimus Prime เป็นตัวอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ส่วนนี้แตกต่างจากส่วนอื่นๆ นั่นคือ ผู้คนมีส่วนร่วมในการต่อสู้มากกว่าส่วนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ การค้นหากุญแจและมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับหุ่นยนต์ในตอนท้าย สำหรับผมแล้ว เรื่องราวเป็นสิ่งที่น่ากลัวและดึงดูดสายตาของฉัน การเลือกเพลงก็ดีเช่นกัน
สิ่งที่ฉันชอบจนถึงตอนนี้อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้จากมุมมอง เพราะออกมาดีทุกฉาก นอกจากนี้ ยังควรแบ่งการต่อสู้หลายๆ มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แอคชั่นอีกรอบแล้วเล่าเรื่องต่อตอนจบแอคชั่นสลับไปมาถูกทาง พวกเขาบอกว่าเราไม่เคยเหนื่อย ส่วนตัวชอบฉากต่อสู้ท้ายเรื่องมาก ดูเท่และตลกดี ฉันได้เห็นการประกอบหุ่นยนต์ทั้งหมดแล้ว ดีและสะใจมาก โดยเฉพาะฉากที่ Bumblebee กระโดดออกจากเครื่องบินเพื่อช่วยตอนจบโดยมีดนตรีประกอบนั้นสุดยอดมาก ในที่สุดก็มีการต่อสู้กับ Noah, Optimus Prime และ Optimus Primal แม้ว่าฉันจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ก็ตาม แต่ชอบฉากนี้มาก ฉากแอคชั่นออกแบบมาดี CGI เยี่ยม แม้จะไม่เยี่ยม บางฉากแต่เป็นส่วนน้อย โดยรวมแล้วตอนนี้เป็นตอนที่สนุก ดูหุ่นยนต์เจ๋ง ๆ มากมายและดูกระบวนการทั้งหมด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือปัญหาที่มาพร้อมกับโมเดลนั้นไม่น่าพอใจ แต่ถ้าอยากดูโชว์หุ่นยนต์รับรองว่าไม่ปลื้มแน่ๆรีวิว Transformers Rise of the Beasts
รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 ภาพยนตร์เรื่องใหม่
รีวิวหนัง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 26 ถ้าบรรยายตัวเอกของอนิเมะให้ดี Detective Conan อาจจะเป็นอีกเรื่องที่แวบเข้ามาในหัวหลังจากได้ดูพลังในหนังเรื่อง
รีวิวหนัง Tin & Tina เรื่องย่อ: หลังจากการตั้งครรภ์ที่เลวร้าย สองสามีภรรยารับอุปการะ สองแฝดเผือก
ประเภทของเกมคอมพิวเตอร์ เกมคอมพิวเตอร์เป็นซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพื่อความบันเทิงประเภทหนึ่ง ในรูปแบบการนำเกมมาเล่นบนคอมพิวเตอร์โดยใช้ภาษาต่างๆ มาเขียนตามแนวทางของผู้สร้างเกมกันเถอะ เพื่อสร้างความเป็นจริงเสมือนหรือสร้างเทคนิคการออกแบบกราฟิกที่สมจริงโดยใช้แอนิเมชั่น ฯลฯ ลักษณะทั่วไปของวิดีโอเกมคือ เป็นการจำลองให้ผู้เล่นแก้ปัญหา
ลดพุง ลดเอว เร่งด่วน หน้าท้องเกิดจากการสะสมของไขมันจำนวนมาก และปัจจัยที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันมักเกิดจากการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประจำวันอย่าออกกำลังกายเป็นเวลานานๆ หรือแม้แต่การทำพุงหลังคลอด พุงแบ่งออกเป็นหลายประเภท
ตำนานศาลหลักเมือง ตอนเด็กๆ จำได้ว่าเคยดูละคร แล้วมีฉากหนึ่งที่เขาโยนผู้คนลงไปในหลุมและทุบหีบแห่งประตูชัยเหนือมัน เพื่อฆ่าวิญญาณเพื่อดูแลเมือง มันเป็นฉากที่น่ากลัวและเป็นที่พูดถึงกันมากในสมัยนั้น ย้อนเวลาไปหาที่มาของ ‘เสาหลักเมือง’